วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กว่าจะมาเป็น "น้ำยาลบคำผิด"


เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า อนงค์นางหนึ่งมีนามว่า นางเบ็ต เนสมิธ เกรแฮม (Bette Nesmith Graham) ทำงานในหน้าที่เลขานุการเวลาที่เธอพิมพ์งานผิด เธอต้องเจอกับปัญหาการพิมพ์ผิดซึ่งเธอใช้ยางลบดินสอเป็นตัวช่วยลบทำให้การทำงานทั้งล่าทั้งช้าและไม่เรียบร้อย ต่อมามีเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าออกมาใช้ คราวนี้เธอเผชิญปัญหาหนักกว่าเก่า เพราะไม่สามารถใช้ยางลบดินสอลบทำผิดได้อีกต่อไป ต้องพิมพ์ใหม่สถานเดียว
กว่าจะมาเป็น "น้ำยาลบคำผิด"

เมื่อต้องประสบกับปัญหานี้อยู่บ่อยครั้งเธอจึงหาทางแก้ไขปัญหานี้ด้วยการประดิษฐ์น้ำยาลบคำผิดขึ้นมา ในปี ค.ศ.1950 เธอก็ค้นพบวิธีทำน้ำยาลบหมึกแบบง่าย เพียงใช้สีน้ำสีขาวบรรจุลงในขวดน้ำยาทาเล็บ ใช้พู่กันป้ายสีน้ำสีขาวลงบนกระดาษ แค่ก็สามารถลบคำผิดได้และพิมพ์ซ้ำทับได้แนบเนียน ใช้ง่าย รวดเร็ว และแก้ไขปัญหาได้อย่ามีประสิทธิภาพ
ความนิยมเริ่มเกิดขึ้นเมื่อบรรดาเพื่อนร่วมงานของเธอเห็นเช่นนั้น ก็ขอน้ำยาลบหมึกของเธอมาใช้กันบ้าง และนี้ก็คือจุดกำเนิดน้ำยาป้ายคำผิด correcting fluid
ต่อมาเมื่อมีความต้องการน้ำยาป้ายคำผิดมากๆ นางเกรแฮมจึงพัฒนาสีน้ำสีขาวและทำการผลิตที่บ้านออกจำหน่าย ด้วยการผสมสีขาวลงในเครื่องปั่น กรอกใส่ขวดยาทาเล็บ เป็นอุสาหกรรมครอบครัวยาวนานถึง 17 ปี ต่อมาในปี ค.ศ. 1979 เธอได้ขายกิจการให้บริษัทยิลเล็ต (Gillette) ในราคาที่สูงถึง 47.5 ล้านดอลลาร์ โดยสามารถผลิตน้ำยาลบคำผิดได้ถึง 25 ล้านขวด ออกจำหน่ายไปทั่วโลก
จากปัญหาเล็กๆ ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์มาจนถึงทุกวันนี้ ช่างเป็นไอเดียที่น่าชื่นชมจริงๆ เลยนะคะ ขอยกนิ้วให้เลย!!!

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เผยกินแกงกะหรี่ ป้องกันอัลไซเมอร์ได้


เผยกิน “แกงกะหรี่” ป้องกันอัลไซเมอร์ได้


พร้อมทานครบ 5 หมู่ - ออกกำลังกายไปด้วย รับประทานแกงกะหรี่หรืออาหารปรุงด้วยผงกะหรี่สัปดาห์ละ1 หรือ 2 ครั้งอาจช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม (อัลไซเมอร์) ได้ การค้นพบครั้งนี้เป็นผลงานของมหาวิทยาลัยดุค ในนอร์ธ แคโรไลน่า สหรัฐอเมริกา โดยเชื่อว่าสารเคอร์คูมิน ในแกงกระหรี่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการแพร่กระจายของหินปูนโปรตีนที่ชื่อ"แอมมิลอยด์" ในสมองที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุของความจำเสื่อม อย่างไรก็ตาม ผู้วิจัยเตือนว่า อย่าไปหวังพึ่งว่าการรับประทานแกงกะหรี่จะเป็นยาวิเศษป้องกันโรคความจำเนื่อมเพราะหากต้องการมีสมองดีก็ต้องรับประทานทุกชนิดอย่างเลือกสรร ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ตามด้วยการรับประทานแกงกะหรี่อย่างสม่ำเสมอ ผลจากการวิจัยนี้อาจะเป็นไปได้ที่จะมีการพัฒนาเม็ดยาแกงกะหรี่ที่ให้ผลอย่างเดียวกับแกงกะหรี่หรือผงกะหรี่ สมาคมโรคอัลไซเมอร์แห่งสหรัฐอเมริกา ออกมาสนับสนุนผลทางการวิจัยนี้ โดยชี้ว่าชุมชนชาวอินเดียที่รับประทานแกงกะหรี่อย่างสม่ำเสมอ มีอัตราการเกิดของโรคความจำเสื่อมอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งในช่วงนั้นทางสมาคมยังบอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่หลังจากนี้สมาคมสนใจจะสำรวจผลดีจากสารเคอร์คูมินในผงกะหรี่ว่าสามารถป้องกันสมองเสื่อมได้จริงหรือไม่ หากผลกะหรี่ให้ผลดีในการป้องกันโรคจริง ก็จะถือว่าเป็นแนวทางการรักษาและป้องกันราคาถูก ทุกคนเข้าถึงได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณภาพชีวิตคนจำนวนมากดีขึ้น

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

6 วิธีแก้เครียด



ยิ้ม การยิ้มเป็นภาษากายที่ดีที่สุด เป็นการเปิดประตูของหัวใจรับความสุขและให้ความสุขแก่ผู้อื่น และชื่นชมตัวเองได้ด้วย จงคิดว่าเรายิ้มให้กับความดีของคนอื่น จงยิ้มอย่างสดชื่น อารมณ์ดีมีชีวิตชีวา อย่ากังวล ความกังวลเกิดจากความคาดหวัง อยากจะได้ในสิ่งที่เป็นได้ยาก และใจจะคิดอยากได้อยู่เสมอ เมื่อหมดความแสวงหา ลดความต้องการ ลดความอยากได้ลง ก็จะได้ไม่เครียดและเป็นทุกข์ต่อไป ความระแวง ความระแวงทำให้เป็นโรคเหงา คบใครๆ ก็ไม่สนิทสนมจากใจจริงและรู้สึกไม่ปลอดภัย เมื่ออยู่กับผู้อื่น ต้องทำอดีตให้เป็นอดีต อย่าทำอดีตให้เป็นปัจจุบันและกลัวอนาคต "เลิกคิดเถิด ความระแวง มะเร็งของความสุขของมนุษย์" ความโกรธ ความโกรธเป็นอารมณ์ที่น่ากลัวและรุนแรงที่สุด การลดความโกรธมีหลายอย่าง เช่น การทำงานให้มากขึ้น ออกกำลังกาย สนใจศิลปวัฒนธรรม ธรรมชาติ เดินทางท่องเที่ยว ดนตรี เล่นกีฬาอารมณ์ขัน อารมณ์ขันนี้เป็นยาวิเศษที่ทำให้มีความสุข ผ่อนคลายความตึงเครียด ทำให้เกิดมิตรภาพ มีความสนุกสนานและบรรยากาศรอบๆ ตัวจะสุนทรีย์ ลดตัวเองสู่ความเป็นเด็กได้ มองโลกในแง่ดี รู้จักให้อภัยตัวเองและผู้อื่นได้ คาถาคลายเครียด "ช่างมัน" มนุษย์หนีความเครียดไม่พ้นหรอก บางคนมีมาก บางคนมีน้อย ความเครียดจึงทำให้ไม่เป็นสุข ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงไป และสิ้นสุดได้ทั้งนั้น เมื่อรู้แล้วก็ปล่อยวาง หรือ "ช่างมัน" เมื่อรู้อย่างนี้แล้วใครอยากจะเครียดนานๆ ก็ตามใจ นอกจากไม่มีความสุขแล้วยังแก่เร็ว ป่วยบ่อยๆ ด้วย

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ประโยชน์ของตะไคร้

ทั้งต้นใช้เป็นยารักษาโรคหืด แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ และแก้อหิวาตกโรค หรือทำเป็นยาทาแก้ปวดก็ได้ และยังใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่นรักษาได้ เช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร และขับเหงื่อโคนกาบใบและลำต้นทั้งสดและแห้งมีน้ำมันหอมระเหย ตำรายาไทยใช้เป็นยาขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียดใช้ลำต้นแก่สดประมาณ ๑ กำมือ (๔๐-๕๐ กรัม) ทุบพอแหลกต้มน้ำพอเดือดหรือชงน้ำ ดื่มวันละ 3 ครั้งก่อนอาหารนอกจากนี้ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการขัดเบาหรือปัสสาวะไม่คล่อง โดยผู้ป่วยต้องไม่มีอาการบวมที่แขนและขา พบว่าน้ำมันตะไคร้มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราและแบคทีเรีย แก้อาการขัดเบา ลดอาการท้องอืดเฟ้อ แน่นจุกเสียด

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

10 นวัตกรรมออกแบบ แปลกใหม่-ไฮเทคแห่งปี 52


10 นวัตกรรมออกแบบ แปลกใหม่-ไฮเทคแห่งปี 52+โพสต์เมื่อวันที่ : 21 ส.ค. 2552

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ตผลการตัดสินรางวัลการออกแบบผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมนานาชาติ หรือรางวัล "IDEA" ประจำปี พ.ศ.2552 ได้ฤกษ์ประกาศรายชื่อผู้ชนะสาขาต่างๆ ออกมาแล้ว.....
รางวัลนี้สนับสนุนโดยนิตยสารธุรกิจชั้นนำ "บิสสิเนสวีก" และสมาคมนักออกแบบอุตสาหกรรมแห่งสหรัฐอเมริกา (IDSA) มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและมอบรางวัลเพื่อเป็นเกียรติแก่บุคคล กลุ่มบุคคล รวมถึงองค์กรที่มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมการออกแบบใหม่ๆ ซึ่งสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของประชากรทั่วโลก สำหรับผู้ชนะที่น่าสนใจและมีความโดดเด่นในสาขาต่างๆ ประจำปี 2552 บางส่วนประกอบด้วยผลงานดังต่อไปนี้
1.คู่มือทำอาหารดิจิตอล (Teaser) ผู้ออกแบบ : สก๊อตชิม มหาวิทยาลัยรัฐโอไฮโอ และคาลวิน เฉิน มหาวิทยาลัยเพอร์ดู สหรัฐอเมริกา ที เซอร์ (Teaser) เป็นต้นแบบคู่มือปรุงอาหารยุคดิจิตอลที่นอกจากจะบรรจุข้อมูลเกี่ยวกับสูตร อาหารต่างๆ เอาไว้ในหน่วยความจำแล้วก็ยังมีระบบ "ผลิตรสชาติ" ของเมนูที่ต้องการปรุงออกมาได้ด้วย! ภายในตัวเครื่องติดตั้ง "ตลับเก็บรสชาติ" เอาไว้ 18 ตัวอย่าง สามารถสั่งให้เครื่องนำมาผสมกัน พร้อมกับจัดพิมพ์ลงบนกระดาษตัวอย่างเพื่อให้ลองชิมดูว่าถูกใจหรือไม่ ถ้าถูกลิ้นก็ลงมือปรุงจริงๆ ได้เลย แต่ถ้าไม่โดนใจก็ประยุกต์สูตรได้ตามสะดวก
2.เครื่องสร้างอักษรเบรล (Haptic Reader) ผู้ออกแบบ : เด วิด ลี และยูนา คิม มหาวิทยาลัยฮันดองโกลบอล และฮันซุก ลี มหาวิทยาลัยไคเมียง เกาหลีใต้ Haptic Reader ทำหน้าที่เป็นเครื่องสแกนตัวอักษรบนหน้าหนังสือ จากนั้นประมวลผลออกมาเป็นตัวอักษรเบรล ช่วยให้ผู้พิการทางสายตามีโอกาสเข้าถึงคลังความรู้ในโลกหนังสือมากขึ้น วิธีการใช้งาน นำตัวเครื่องวางทับหน้าหนังสือที่ต้องการ เมื่อระบบสแกนเสร็จแล้ว พื้นผิวหน้าจอส่วนบน จะมีปุ่มนูนขึ้นมาแปรสภาพเป็นอักขระเบรล นอกจากนั้น ยังมีระบบแปลงตัวอักษรที่สแกนเข้ามาเป็น "คำพูด" อีกด้วย3.โน้ตบุ๊กเจาะกลุ่มผู้หญิง (Shell Laptop Concept) ผู้ออกแบบ : จอช มารัสกา และแทน ทูลิส สหรัฐอเมริกา ต้นแบบโน้ตบุ๊ก รุ่น "Shell Laptop" พัฒนาโดยทีมงานของบริษัทไมโครซอฟท์ ยักษ์ใหญ่ธุรกิจโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบอร์ 1 ของโลก แนวคิดหลักต้องการทลายกรอบการออกแบบ โน้ตบุ๊กเดิมๆ มุ่งจับลูกค้ากลุ่ม "ผู้หญิง" ยุคใหม่ อายุระหว่าง 23-28 ปี นำวัสดุที่ดูแล้วมีความนุ่มนวล น่าสัมผัส เช่น ไม้และเซรามิกมาผสานเข้ากับลวดลายเรืองแสง มองแล้วน่าดึงดูดใจให้ใช้งาน4.คอนแท็กต์เลนส์กันแดด (Contact Shades) ผู้ออกแบบ : จิน ยองอุน, จุน เกียวลี, ยัง โฮลี สังกัดกลุ่มโคเรีย ดีไซน์ เมมเบอร์ชิพ ประเทศเกาหลีใต้ "แว่นตากันแดด" มีมาตั้งหลายปี ล่าสุด กลุ่มนักออกแบบแดนโสมจึงคิดค้น "คอนแท็กต์เลนส์" ที่มีคุณสมบัติกันแดดและรังสีอัลตราไวโอเลตขึ้นมาบ้าง คอนแท็กต์เลนส์กันแดดที่ว่านี้มี 4 รุ่นด้วยกัน เหมาะกับสภาพอากาศ 4 ลักษณะ และมุ่งจับลูกค้ากลุ่มที่ชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง5.แผนที่หลากมุมมอง (Panamap) ผู้ออกแบบ : เอียน ไวต์ บริษัท เออร์บัน แม็ปปิ้ง อิงก์ สหรัฐอเมริกา แผนที่ มาตรฐานทั่วไปทุกวันนี้ถูกระบบบอกพิกัดผ่านดาวเทียม (จีพีเอส) รวมถึงโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนชนิดมีแผนที่ในตัวแย่งหน้าที่ไปเยอะ จนใกล้กลายเป็นของตกยุค แต่บ.เออร์บัน แม็ปปิ้ง ยังคงศรัทธาในแผนที่ เพียงแต่นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการสร้างแผนที่ไฮเทค รุ่น "Panamap" (พานาแม็ป) เมื่อกางและขยับเปลี่ยนมุมมองแผนที่แต่ละครั้ง จะมองเห็นข้อมูลอื่นปรากฏขึ้นมาสลับกันไป อาทิ ถนนหนทาง เส้นทางเดินรถระบบขนส่งมวลชน และแนะนำย่านสำคัญๆ ในแต่ละเมือง6.เล่นจักรยานส่วนตัว (Light Lane) ผู้ออกแบบ : เอวาน แกนต์ จากสมาคมนักออกแบบอุตสาหกรรมแห่งอเมริกา และอเล็กซ์ ที จากบริษัท อัลติจูด อิงก์ สหรัฐอเมริกา กระแส รณรงค์ให้คนในสังคมเมืองหันมาขี่จักรยานเพื่อช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมคนละ ไม้คนละมือไม่ค่อยได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร หนึ่งในสาเหตุหลักเพราะไม่มีการสร้าง "เลนจักรยาน" เอาไว้ให้ประชาชนขี่จักรยานด้วยความปลอดภัย เมื่อหวังพึ่งทางการ ไม่ค่อยได้ คู่หูเอวาน กับอเล็กซ์ จึงออกแบบ "ไฟส่องเลนจักรยาน" ขนาดพกพาสำหรับติดท้ายจักรยาน คอยทำหน้าที่ยิงลำแสงเลเซอร์ออกไปเป็นรูป "เลนจักรยาน" เพื่อขอทางปั่นจักรยานและเตือนให้รถยนต์ที่ขับตามมาข้างหลังได้มองเห็นชัดๆ โดยเฉพาะยามค่ำคืน7.โคมไฟรีไซเคิล (The Energy Seed) ผู้ออกแบบ : ปาร์ก ซังวู มหาวิทยาลัยกุ๊กมิน และคิม ซุนฮี มหาวิทยาลัยชุนอา เกาหลีใต้ เป้าหมายการประดิษฐ์โคมไฟรูปร่างเลียนแบบ "ดอกไม้" แสนสวยงามชิ้นนี้ เพื่อกระตุ้นให้มนุษย์ตระหนักถึงพิษภัยของการทิ้ง "ขยะพิษอิเล็กทรอนิกส์" ไม่เป็นที่เป็นทาง เช่น ถ่านและแบตเตอรี่ ซึ่งนับวันยิ่งส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรงการใช้งานโคมไฟ "Energy Seed" ต้องทิ้งถ่านหรือแบตเตอรี่เก่าลงไปในช่องที่จัดเตรียมไว้ให้ ขั้นต่อไประบบจะ "รีด" พลังงานที่ยังพอตกค้างอยู่ในแบตเตอรี่ออกมาใช้จนหมดเกลี้ยง มื่อทิ้งแบตเตอรี่เก่าๆ ลงไปมากเท่าไหร่ หลอดไฟแอลอีดีในดอกไม้จะสว่างจ้ามากขึ้นเท่านั้น เหมือนเราค่อยๆ ปลูกประคบประหงมเมล็ดพันธุ์พืชจนเติบใหญ่8."เมาส์"สุดจ๊าบ (Arc Notebook Mouse) ผู้ออกแบบ : นักออกแบบผลิตภัณฑ์ไอทีประจำบริษัทวัน แอนด์ โค, ไมโครซอฟท์ และแคดเบส โซลูชั่น สหรัฐอเมริกา ใครเห็นรูปโฉมเมาส์คอมพิวเตอร์ "Arc Notebook Mouse" รุ่นนี้ของบริษัทไมโครซอฟท์คงต้องยอมรับว่าจ๊าบจริงๆ ได้รับการออกแบบให้ใช้กับโน้ตบุ๊กโดยเฉพาะ รูปทรงโค้งมน หยิบจับใช้งานคล่องตัว มีขนาดเล็กกว่าเมาส์ทั่วไปของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะราวกึ่งหนึ่ง แต่สามารถกางออกมาให้กลายเป็นเมาส์ขนาดใหญ่ได้ด้วย9.ชุดตรวจเชื้อเอดส์ที่บ้าน (Project Masiluleke Home HIV Test Kit) ผู้ออกแบบ : บริษัท ฟร็อกดีไซน์ สหรัฐอเมริกา ชุดตรวจผลเชื้อเอชไอวี/เอดส์ในภาพนี้ แจกจ่ายฟรีอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในโครงการลดการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์ในพื้นที่ชนบทห่าง ไกลของแอฟริกาใต้
เมื่อรับชุดดังกล่าวไปแล้ว นำไปตรวจหาเชื้อเอชไอวีได้ด้วยตนเอง โดยใช้ "น้ำลาย" เป็นตัวตรวจหาเชื้อ ภายในกล่องเขียนคำอธิบายวิธีใช้งาน ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาท้องถิ่นของคนแอฟริกัน10.เครื่องบินสะเทินน้ำสะเทินบก (ICON A5) ผู้ออกแบบ : นักวิจัยสังกัดบริษัท ไอคอน แอร์คราฟต์, กลุ่มนิสสัน ดีไซน์ อเมริกา, บริษัท ทรอย ลี ดีไซน์ และวิทยาลัยศิลปะการออกแบบ สหรัฐอเมริกา เครื่องบินส่วนบุคคลหน้าตาล้ำยุคและดุดันเอาเรื่อง รุ่น "ICON A5" ใช้เล่นได้ทั้งบนอากาศและเหนือผิวน้ำ ปีกพับเก็บได้ ช่วยให้การเคลื่อนย้ายตัวเครื่องไปยังสถานที่ต่างๆ ทำได้โดยง่าย พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนที่รักในกีฬาขับเครื่องบินเล็ก ซึ่งมีใบอนุญาตการบินถูกต้องตามกฎหมาย


วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

หลัก 8 ประการตรวจสอบสัญญาซื้อขาย


เมื่อพอใจทำเลและคอนโดมิเนียมที่เลือก เอาเป็นว่าถูกอกถูกใจถึงขั้น "รักจริงหวังแต่ง" ก้าวต่อไปสำคัญมากขึ้นเพราะเริ่มมีความผูกพันทางกฎหมายกันแล้ว
นั่นคือการทำสัญญาซื้อขาย อันเป็นนิติกรรมที่มีผลบังคับและข้อผูกพันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายตามที่ระบุในสัญญา อะไรๆ อย่างอื่นที่นอกเหนือจากสัญญาไม่เกี่ยว
การทำสัญญาจึงต้องรอบคอบ ถี่ถ้วน อย่าอ่านแบบผ่านตาเท่านั้น ควรดูให้ละเอียด ต้องอ่านทุกหน้าก่อนเซ็นชื่อลงนามในสัญญา เรื่องนี้มีหลักยึด 8 ประการ เป็นเครื่องช่วยตรวจสอบสัญญาซื้อขาย
ข้อแรก ข้อความที่ระบุว่าเป็นสัญญาซื้อขาย ดูกันชัดๆให้เห็นคำว่า "สัญญานี้เรียกว่าสัญญาซื้อขาย" อย่าเห็นเป็นเรื่องไม่สำคัญ เพราะการลงนามในเอกสารสัญญานี้เพื่อการซื้อและขายมิใช่เพื่อการอื่นใดจึงต้องระบุว่าเป็นสัญญาซื้อขาย
ข้อที่สอง ข้อความที่บ่งชัดว่า ใครเป็นผู้ซื้อ ตรงนี้ตรวจสอบชื่อและนามสกุลตัวเองให้ถูกต้องเสียด้วย รวมทั้งที่อยู่หรือภูมิลำเนาที่ติดต่อได้สะดวก ดูไว้เพื่อเจ้าหน้าที่ของโครงการพิมพ์หรือเขียนชื่อไม่ถูกต้องจะได้ทักท้วง
ข้อที่สาม ใครเป็นผู้ขาย ข้อนี้ค่อยๆ อ่านให้ดี อย่าคิดเอาเองเด็ดขาด ชื่อผู้ขายต้องเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในคอนโดมิเนียมที่ทำสัญญาซื้อขาย ชื่อนั้นควรเป็นชื่อเดียวกันกับบริษัทพัฒนาโครงการ ซึ่งต้องระบุถึงกรรมการผู้จัดการหรือกรรมการที่มีอำนาจทำสัญญาแทนนิติบุคคล รวมทั้งระบุหมายเลขจดทะเบียนของนิติบุคคลไว้ด้วย ทำไมต้องดูให้ดี เพราะข้อผูกพันต่างๆ ในสัญญานั้นจำกัดเฉพาะผู้ซื้อกับผู้ขาย คนอื่นไม่เกี่ยว
ข้อที่สี่ ข้อความที่ระบุชัดเจนถึงทรัพย์สินที่ขาย ข้อนี้ควรไล่เรียงอย่างละเอียด ดูเอกสารจดทะเบียนอาคารชุดหรือแบบ อ.ช.1 ดูเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุดหรือแบบ อ.ช.2 และดูเอกสารจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดหรือแบบ อ.ช.3 เอกสารทั้งสามฉบับควรมีครบสำหรับคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จก่อนขาย
แต่แค่นี้ยังไม่พอหรอก ต้องดูให้แน่ใจว่า ห้องชุดที่เซ็นสัญญาซื้อขายนั้นตรงกับตำแหน่งที่ต้องการจากแผนผังหรือโมเดลจำลองหรือไม่ หากไปดูห้องจริงที่ตั้งใจซื้อก็เป็นการดีมาก เรื่องนี้คือข้อดีของคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จก่อนขาย ผู้ซื้อได้เห็นหน้าเห็นตารูปทรงกันจะแจ้ง ไม่เป็นการคลุมถุงชน สุดท้ายทรัพย์ที่ขายดูให้ละเอียดชัดเจนว่า ส่วนไหนเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล ส่วนไหนเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนรวม ใช้เวลาอ่านเอกสารสัญญานานสักหน่อยไม่มีใครว่าอะไรดอก ควรใช้สิทธิของผู้ซื้อที่เป็นฝ่ายจ่ายเงินอย่างเต็มที่
ข้อที่ห้า ต้องระบุราคาอย่างชัดเจนเป็นราคาต่อตารางเมตรและราคารวมเบ็ดเสร็จ ราคาที่ระบุในสัญญาจะเป็นราคาคงที่ตั้งแต่วันที่เซ็นสัญญา ไม่ว่าราคาตลาดเปลี่ยนแปลงขึ้นลงอย่างไรก็ตาม นอกจากนี้สัญญาต้องระบุถึงค่าใช้จ่ายอย่างอื่นๆ เช่น อัตราการเสียค่าใช้จ่ายส่วนกลางต่อตารางเมตรและวิธีการจ่าย ค่าใช้จ่ายสโมสรกีฬาและอื่นๆ
ข้อที่หก ข้อความระบุถึงการโอนกรรมสิทธิ์ แม้ว่าตามหลักกฎหมายกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ซื้อนั้นย่อมโอนให้ผู้ซื้อตั้งแต่ "ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกัน" แต่กรรมสิทธิในอสังหาริมทรัพย์นั้นมีผลตามกฎหมายเมื่อมีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ต่อเจ้าพนักงานที่ดินก่อน การโอนกรรมสิทธิ์ต้องระบุผู้รับผิดชอบค่าโอนด้วย อาจแบ่งกันออกฝ่ายละครึ่งระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ สัญญาซื้อขายต้องมีความชัดเจนในเรื่องนี้ จะโมเมคิดเอาเองไม่ได้ข้อที่เจ็ด การรับประกัน ดูให้ละเอียดเกี่ยวกับการรับประกัน ตั้งแต่เรื่องโครงสร้างของอาคารชุด อุปกรณ์ประกอบอาคารต่างๆ เช่น ลิฟท์ ระบบเตือนภัย ระบบบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น หลักการคือ โครงสร้างอาคารและอุปกรณ์ประกอบอาคารต้องมีการรับประกัน เพื่อแสดงความรับผิดชอบของเจ้าของโครงการต่อสินทรัพย์ที่ขาย เช่น รับประกันโครงสร้างและส่วนประกอบอาคาร 5 ปี เป็นต้น เวลาเสียหายเจ้าของโครงการดำเนินการซ่อมให้ข้อที่แปด ตรวจสอบอีกรอบในเรื่องข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สิน โดยเฉพาะการแบ่งแยกระหว่างทรัพย์สินส่วนบุคคล กับทรัพย์สินส่วนกลาง ตรงนี้ต้องมีความชัดเจน เพราะการซื้ออาคารชุดพักอาศัยหรือคอนโดมิเนียมนั้นได้กรรมสิทธิส่วนตัวในทรัพย์สินส่วนบุคคล และกรรมสิทธิร่วมในทรัพย์สินส่วนกลาง นอกจากนี้ดูให้ละเอียดถึงคะแนนเสียงต่อทรัพย์สินส่วนกลาง ซึ่งปกติคิดจากสัดส่วนของมูลค่าทรัพย์สินส่วนบุคคลต่อมูลค่าทรัพย์สินรวมทั้งหมด ตรงนี้จะได้รู้ถึงคะแนนเสียงของตนเองต่อคอนโดมิเนียมทั้งตึก
การตรวจสอบ 8 ประการนี้เป็นหัวใจหรือแกนกลางของสัญญาซื้อขาย ข้อความในสัญญาต้องมีเนื้อหาเหล่านี้ และมีผลบังคับต่อเนื่องตามความในกฎหมายแพ่งว่าด้วยการซื้อขาย เรื่องราวหลังจากนี้เป็นการ "ว่ากันตามสัญญา" คิดเอาเองไม่ได้ทั้งนั้น
แต่อย่าลืมว่าจุดเริ่มต้นที่สำคัญมาจากการเลือกโครงการและบริษัทพัฒนาโครงการที่ดี ไม่ผิดกับ "ดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูแม่" กรณีดูผู้ชายก็ไม่ต่างกันหรอก ดูที่แม่เหมือนกัน เพราะมารดาคือผู้สร้างโลก เป็นครูบาอาจารย์คนแรกของลูก
เอกสารสัญญาซื้อขายนั้นผู้ขายย่อมจัดทำขึ้นมาด้วยความรอบคอบ กระนั้นก็ตามผู้ซื้อก็ต้องใส่ใจอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ความพึงพอใจและยุติธรรมตามสัญญา อย่างไรก็ตามผู้ขายชั้นนำในตลาดมักมีบริการเสริมเพิ่มเติมมากกว่าตัวหนังสือในสัญญาเพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้า

หมวดกินเพื่อสุขภาพ



กินน้ำมะนาวปั่นสามารถแก้อาการเมาค้างได้ จริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไปได้

2.เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูง เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การกินอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลให้เกิดอาการชักได้

3.มันฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่า คูคัวไมน์ส มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิตให้ต่ำลง และมันยังรักษาโรคที่ลึกลับที่เรียกว่า โรคนอนหลับ ได้อีกด้วย

4.ดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่การดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น เพราะนมร้อนจะส่งเสริมให้สมองหลั่งสาร

5.การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่การเคี่ยวหมากฝรั่งช่วยให้คนไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายเร็วขึ้น เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังการผ่าตัด เป็นการบริหารให้ลำไส้กลับมาทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น คนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืด ซึ่งทำให้ปวดท้อง และท้องอืด หลังจากที่ต้องหยุดทำงานไปพักหนึ่ง

6.การกินเนยก่อนนอนทำให้นอนหลับสนิทขึ้น จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะในเนยมี กรดอมิโน ที่มีชื่อว่า ทริปโตพัน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสะกดให้หลับได้สนิทดีขึ้น

7.กินส้มช่วยแก้อาการเซ็งได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเองจะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดลงได้ดีออกมาด้วย

8.การกินช็อคโกแล๊ตช่วยแก้ไอได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ โกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแล๊ตมีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์ จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อ เวกัสเนอร์ฟ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการไอ ทำให้สามารถหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ผล

9.การกินบ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ การที่คนเรามีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา จึงช่วยถ่วงดุลความเป็นด่างได้ และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มากอีกด้วย

10.การกินอาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันความจำเสื่อมได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดอุดตันมากขึ้น สารอาหาร ไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง สมองจึงค่อยๆ เสื่อม

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

รวมคำสั่ง RUN ที่จำเป็นต้องใช้

คำสั่ง RUN มีประโยชน์ในการเรียกใช้โปรแกรมย่อยๆ หรือเปิดหน้าต่าง ของวินโดวส์เข้ามาทำงาน บางท่านอาจจะสงสัยว่า ในเมื่อ มันสามารถเรียกใช้งานโปรแกรมย่อยๆ ต่างๆ นี้ได้อยู่แล้ว เราจะใช้ คำสั่ง Run ไปทำไม จะว่าให้ง่ายก็คือ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ในการเรียกใช้ เพราะว่า บางโปรแกรมเราต้องคลิกเข้าไป หลายส่วน ทำให้เสียเวลา แต่ในบางกรณี การเข้าโดยใช้เมาส์คลิกตามปกติก็จะเร็วกว่า วันนี้จะมาเสนอคำสั่ง ที่ใช้การ Run เรียกเข้ามา เพื่ออำนวยความสะดวกในการ ทำงานมากขึ้นก่อนอื่น วิธีการเีรียกคำสั่ง RUN ก็ไม่ยากอะไรเลย เพียงคลิกที่ start > run จากนั้น เราก็จะพิมพ์คำสั่ง และกด Enter เข้าไปใช้งานได้ทันที ตัวอย่าง เช่น เราต้องการจะตรวจสอบสเป็คเครื่อง แบบคร่าว ๆ ( แต่ละเอียดกว่าการดู Properties ที่ My Computer ) เราก็สามารถใช้คำสั่ง dxdiag เพื่อตรวจสอบได้ คำสั่งที่สำคัญ ได้แก่ * คำสั่ง dxdiag คำสั่งนี้ จะเป็นการเรียก Direct X และตรวจสอบสเป็คเครื่อง สามารถดูรายละเอียดพื้นฐานได้ เช่น CPU RAM VGA SOUND * คำสั่ง devmgmt.msc ใช้ในการเรียกหน้าต่าง Device Manager ขึ้นมา * คำสั่ง wuaucpl.cpl เปิดหน้าต่าง Auto Update * คำสั่ง appwiz.cpl เข้าโปรแกรม Add/Remove Program * คำสั่ง clipbrd เรียกดู คลิปบอร์ด * คำสั่ง diskmgmt.msc เรียกโปรแกรม Disk Management ใช้จัดการดิสก์ เช่น ฟอร์แมต เปลี่ยนตัวอักษรประจำไดร์วต่างๆ * คำสั่ง compmgmt.msc เรียกดู Computer Management * คำสั่ง calc เรียกเครื่องคิดเลข * คำสั่ง eventvwr.msc เรียกดูประวัติเหตุการณ์ใช้งานของเครื่องคอมพิวเตอร์ * คำสั่ง gpedit.msc จัดการเกี่ยวกับ Group Policy ( ใช้ใน Win XP Home ไม่ได้นะ ) * คำสั่ง ncpa.cpl เปิดหน้าต่าง Network Connection ส่วนคำสั่งต่อไปนี้ เรามักจะใช้กันบ่อยมาก ในกรณีที่ติดไวรัส บางครั้งถึงแม้ว่าเราจะกำจัดไวรัสไปแล้ว แต่อาการต่างๆ ยังคงอยู่ * คำ สั่ง msconfig เป็นคำสั่งเรียกโปรแกรมเพื่อกำหนดค่าต่างๆ ของ Windows ส่วนใหญ่ไวรัส มักจะแอบไปใส่ค่าให้ เรียกตัวเองขึ้นมาตั้งแต่เริ่มเข้าใช้งาน คำสั่ง regedit เรียกโปรแกรม Registry Editor อยากจะแก้ไขอะไรต้องระวังหน่อยนะครับ แต่ถ้าทำตามคู่มือกำจัดไวรัสก็ไม่เป็นไรหรอก

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เก็บโลกไว้ให้ลูกหลานด้วย “10 วิถีใช้ชีวิตพอเพียง”

เก็บโลกไว้ให้ลูกหลานด้วย “10 วิถีใช้ชีวิตพอเพียง”
1. กินข้าวให้หมดจาน อาหารที่เหลือทิ้ง หมายถึงการทิ้งพลังงานในการปรุง และการกำจัดด้วย

2. กินอาหารตามฤดูกาล และเป็นผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น อาหารนอกฤดูกาลนั้น จำเป็นต้องบังคับให้ออกลูก ออกผล ซึ่งหมายถึงต้องใช้พลังงานเข้าช่วย หรือไม่ก็จะต้องสั่งซื้อและขนส่งมาจากที่ห่างไกล

3. กินผักใบเขียวให้มากขึ้น ลดเนื้อแดง และชีส การเลี้ยงปศุสัตว์ทั่วโลกนั้น ปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึงร้อยละ 18 แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นมังสวิรัติ เพียงแค่ลดเนื้อแดงลงแค่ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็พอจะช่วยโลกได้บ้างแล้ว

4. เลือกผลิตภัณฑ์อินทรีย์ปลอดสารพิษทุกครั้งที่มีโอกาส ผลการวิจัยบอกไว้ว่า เกษตรอินทรีย์ช่วยรักษาคุณภาพของดิน ซึ่งเป็นแหล่งเก็บกักคาร์บอนที่สำคัญ
5. เลือกอาหารสดที่ไม่ผ่านกระบวนการแช่แข็ง การแช่แข็งอาหารให้เก็บไว้ได้นาน ต้องผ่านกระบวนการ และเพิ่มเกลือ น้ำมัน และน้ำตาล รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ ส่วนใหญ่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ เป็นการเพิ่มขยะอีกด้วย

6. เศษอาหารเหลือนำมาทำปุ๋ยหมัก เพื่อช่วยคืนอินทรียสารลงสู่ดิน

7. รีไซเคิลช่วยลดคาร์บอนจากการผลิตใหม่ การรีไซเคิลกระป๋องอลูมิเนียม 1 ใบ สามารถประหยัดพลังงานได้เทียบเท่ากับปริมาณไฟฟ้าที่ใช้เปิดโทรทัศน์นาน 3 ชั่วโมง ส่วนขวดแก้ว 1 ใบ หากนำมารีไซเคิลจะประหยัดพลังงานได้เทียบเท่ากับปริมาณไฟฟ้าที่ใช้เปิดหลอดไฟขนาด 100 วัตต์ นาน 4 ชั่วโมง

8. ถอดปลั๊ก เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับการลดการปล่อยคาร์บอนจากการใช้ไฟฟ้า

9. เลือกอุปกรณ์ประหยัดน้ำ และอุปกรณ์ประหยัดไฟ

10. วางแผนการเดินทางโดยเลือกยานพาหนะที่คุ้มค่า (ต่อโลก) ให้มากที่สุด เช่น เดินทางด้วยจักรยาน หรือระบบขนส่งมวลชน เป็นต้น

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดลับแม่บ้าน

1.ไข่ขาวสามารถใช้รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยใช้ไข่ขาว มาทาที่น้ำร้อนลวกให้ทั่วทิ้งไว้จนแห้ง ไปเอง แล้วรอสักพักใหญ่ๆ จึงล้างออกจะไม่มีรอยแดง หรือพองเลย ข้อสำคัญ ก่อนทาไข่ขาวอย่าให้ถูกน้ำเย็นหรือของอื่นเลย และอย่าไปแกะ หรือเกาตอนที่ใกล้จะแห้ง เพราะจะทำให้หนังถลอก


2.ยาหม่องสามารถใช้ขจัดหมากฝรั่งเปื้อนผ้าได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยการใช้ยาหม่องถูตรงยางเหนียวๆ ของหมากฝรั่งไปมา ไม่นานยางของหมากฝรั่งก็จะหลุดออกหมด แล้วจึงนำผ้าไปซักตามปกติ

3.ใส่หลอดในขวดซอสมะเขือเทศจะทำให้เทออกง่าย จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยการใส่หลอดลงไปให้ลึกถึงก้นขวด เพื่อให้อากาศสามารถแทรกผ่าน เข้าไปในขวดได้ แล้วเทซอสมะเขือเทศ ก็จะไหลออกมาง่ายขึ้น

4. ถุงน่องแช่น้ำเกลือช่วยให้ถุงน่องไม่ขาดง่าย จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยการนำเกลือ 2 ถ้วยผสมกับน้ำ 1 แกลอน แช่ถุงน่องใหม่ไว้นาน 3 ชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ยกถุงน่องขึ้น มาตากให้น้ำหยดจนแห้ง ก็จะทำให้ถุงน่องคงสภาพ และเหนียวทนนาน

5. มันฝรั่งกำจัดกลิ่นปลาร้าติดมือได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่มันฝรั่งสามารถกำจัดกลิ่นหัวหอมติดมือได้ โดยการนำมันฝรั่งที่ปอกแล้ว มาถูมือที่มีกลิ่นหัวหอมติดอยู่ กลิ่นหัวหอมก็จะค่อยๆ จางหายไป

6. พริกแห้งใช้ไล่แมลงวันได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เวลาตากของแห้งไว้ จะมีแมลงวันมาตอม ให้เอาพริกแห้ง 5 - 6 เม็ด เสียบไว้รอบกระด้ง ไอร้อนของพริก จะทำให้แมลงวันไม่กล้าเข้าใกล้

7. เบียร์ช่วยคลายเกลียวขึ้นสนิมได้
เฉลย
จริง ให้รินเบียร์ลงไปบนเกลียวขึ้นสนิมนิดหน่อย รอ 2-3 นาที ความเป็นกรดของเบียร์ จะช่วยขจัดสิ่งสกปรก และเศษสนิม ทำให้เกลียวหมุนเปิดได้ง่ายขึ้น

8. เอาผ้าไหมแช่ช่องแข็งจะทำให้รีดง่าย จริงหรือ
เฉลย
จริง การรีดผ้าไหม ควรใช้ไฟอ่อนๆ เพราะผ้าไหมจะไหม้เกลียม หรือเป็นสีเหลืองได้ง่าย แต่ถ้าผ้าไหมยับมาก ก่อนรีดควรฉีดพรมน้ำยาให้ทั่ว แล้วพับใส่ถุงพลาสติก นำไปแช่ในช่องแข็งของตู้เย็น ประมาณ 10 -15 นาที แล้วจึงนำออกมารีด จะทำให้รีดผ้าไหมได้ง่าย และเรียบยิ่งขึ้น

9. นำเหรียญสลึงใส่แจกันช่วยให้ดอกไม้ไม่เหี่ยวเฉาได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยให้หย่อนเหรียญสลึงลงไปในแจกัน ส่วนผสมที่เป็นทองแดงในเหรียญ จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา

10. ใบฝรั่งช่วยดูดกลิ่นได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยให้นำใบฝรั่งมาตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำ แยกกากใบออก น้ำมันหอมระเหยที่ได้ จะทำหน้าที่ดับกลิ่น ส่วนกากใบที่ได้ให้นำไปวางไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อช่วยดูดกลิ่นได้

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 [29] (อังกฤษ: 2009 new-strain influenza) หรือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอชวันเอ็นวัน [29] (อังกฤษ: influenza A (H1N1)) ไข้หวัดใหญ่จากสุกร (อังกฤษ: swine-origin influenza) ก็เรียก ได้ระบาดตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา โดยเริ่มปรากฏครั้งแรกในนครเม็กซิโกซิตีกับส่วนอื่นๆ ของประเทศเม็กซิโก (ช่วงแรกจึงเรียกว่า ไข้หวัดเม็กซิโก) และในพื้นที่อีกหลายส่วนของสหรัฐอเมริกา อนึ่ง หน่วยงานสาธารณสุขหลายแห่งยังรายงานว่าในประเทศนิวซีแลนด์ยังพบกรณีคล้ายจะเป็นการระบาดของไข้หวัดใหญ่ดังกล่าวอีกสิบกรณี แต่ยังไม่มีการรับรองรายงานดังกล่าว นอกจากนี้ ยังพบผู้ต้องสงสัยว่าจะป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่อีกหนึ่งพันรายทั่วโลก และเนื่องจากยังไม่อาจรับรองว่าผู้ป่วยดังกล่าวทุกคนเป็นไข้หวัดใหญ่ องค์การอนามัยโลกจึงเรียกภาวะเช่นนี้โดยรวมว่า "ภาวะเจ็บป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่" (อังกฤษ: influenza-like illnesses)
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดครั้งนี้ มีอาการเสมือนโรคไข้หวัดใหญ่รุนแรง ซึ่งผู้ป่วยบางรายในประเทศเม็กซิโก ยังเป็นโรคเสมือนปอดอักเสบอีกด้วย พบได้ในภาวะก่อนจะเสียชีวิตไม่นาน แต่จากการนำตัวอย่างเชื้อไปวิเคราะห์ในห้องตรวจสอบและแยกสายพันธุ์ เชื้อไวรัสนั้นได้พบการเปลี่ยนแปลงของสารชีวะ ดีเอ็นเอภายใน โดยปรากฏว่า สายพันธุ์ดังกล่าวมีวิวัฒนาการบางส่วนมาจาก ไวรัสไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์ ชนิดเอ หรือ "เอชวันเอ็นวัน" (H1N1) บางส่วนมาจาก ไข้หวัดใหญ่ในสัตว์ปีก หรือ "เอชไฟฟ์เอ็นวัน" (H5N1) หรือที่เรียก "ไข้หวัดนก" และบางส่วนมาจาก ไข้หวัดใหญ่สุกร
เนื่องจากสายพันธุ์ใหม่นี้สามารถส่งผ่านระหว่างมนุษย์สู่มนุษย์ และส่งผลให้มียอดการตายของผู้ป่วยในประเทศเม็กซิโกสูงมาก องค์การอนามัยโลก และศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (อังกฤษ: U.S. Centers for Disease Control) จึงร่วมกันแสดงความกังวลว่าสถานการณ์ครั้งนี้อาจเลวร้ายลงจนกลายเป็น "ภาวะระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่" (อังกฤษ: influenza pandemic) ได้[30] ในวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552 องค์การอนามัยโลกจึงประกาศกำหนดอย่างเป็นทางการว่า การระบาดของไข้หวัดใหญ่สุกรสายพันธุ์ใหม่ครั้งนี้เป็น "สถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ"[31] นอกจากนี้ หน่วยงานด้านสาธารณสุขของรัฐบาลทั่วโลก รวมถึงศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งยุโรป (อังกฤษ: European Centre for Disease Prevention and Control) องค์กรพิทักษ์สาธารณสุขแห่งสหราชอาณาจักร (อังกฤษ: UK Health Protection Agency) และองค์กรสาธารณสุขแห่งแคนาดา (อังกฤษ: Public Health Agency of Canada) ได้พร้อมใจกันแสดงความกังวลและเฝ้าติดตามการระบาดครั้งนี้อย่างใกล้ชิด

การตรวจวัดอุณหภูมิของนักเดินทางที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยใช้เครื่องเทอร์โมสแกน หากผู้ที่เป็นไข้เดินผ่าน ภาพจะเป็นสีแดงซึ่งอาจสงสัยว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009