วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ตำนานการกินเจ


การกินเจ มีมาตั้งแต่บรรพกาล ซึ่งชาวจีนถือปฎิบัติเป็นประเพณีสืบต่อกันมาช้านาน เทศกาลกินเจจะเริ่มตั้งแต่ ๑ ค่ำ ถึง ๙ ค่ำ เดือน ๙ นับตามปฏิทินจีน ซึ่งจะตรงกับเดือนตุลาคมของไทยเรา ตามตำนานเล่าว่า เมื่อเล่าจื๊อ ศาสดาแห่งลัทธิเต๋าเกิดขึ้นได้ถือพรตของลัทธิเต๋าแต่นั้นมา เมื่อก่อนนั้น การกินเจไม่มีการกำหนดว่าจะกินกันเมื่อไร แต่ถือเอาความสะดวกของผู้กิน จะกินวันไหน เดือนไหนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ผู้คนนิยมกินเจในช่วงไว้ทุกข์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการปฎิบัติตนในทางที่ดีงาม เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย ต่อมาเมื่อเกิดกบฏไท้เผ้ง ซึ่งชาวจีนได้รวมตัวกันเพื่อต่อต้านและหวังกอบกู้แผ่นดินจากพวกแมนจู ผู้ก่อการกบฏ ถูกจับประหารชีวิต ยังความโศกเศร้า เสียใจให้กับชาวจีนจึงร่วมกันปฎิบัติธรรม โดยกินเจและถือศิล เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ถูกประหารชีวิต การกินเจจึงถูกกำหนดให้เป็นเทศกาลตั้งแต่นั้นมา เมื่อถึงเทศกาลกินเจ ชาวจีนจะนุ่งขาวห่มขาว เพื่อแสดงถึงการตัดกิเลสจากโลกภายนอก ถือศิล กินเจ โดยปฏิบัติดังนี้
1. งดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ อันเป็นเหตุให้ไม่ต้องแสวงหาเนื้อสัตว์ หรือทำอันตรายต่อชีวิตสัตว์ ไม่เบียดเบียนสัตว์ในทุกกรณีรวมทั้งน้ำนมและน้ำมัน ที่มาจากสัตว์อีกด้วย
2. รักษาศีลห้าและรักษาพรหมจรรย์
3. ทำบุญทำทาน
4. รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์
5. แต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายสีขาว
6. งดเว้นผักที่ให้กลิ่นแรงต่างๆ เช่น ผักชี กระเทียม หัวหอม ต้นหอม กุยช่าย เพราะถือว่าเป็นสิ่งกระตุ้นอารมณ์
เมื่อการกินเจกำหนดเป็นเทศกาลขึ้น และมีกำหนดถึง ๙ วัน ทำให้เทศกาลกินเจขยายใหญ่ขึ้นทุกที จนกลายเป็นงานที่ใหญ่และสำคัญอีกอย่างหนึ่งของชาวจีน งานการกุศลต่างๆ จึงมารวมกันในเทศกาลนี้ เช่น การทิ้งกระจาด การลอยกระทง สิ่งเหล่านี้ถูกนำเข้ามาทีหลังเพื่อเสริมให้เทศกาลกินเจดูยิ่งใหญ่ขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น